วันศุกร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

บทวิเคราะห์ - ด้านสังคม

ด้านสังคม



๑) สะท้อนให้เห็นธรรมชาติมนุษย์ เช่น
                                พระเจ้าหงสาวดีตรัสประชดพระมหาอุปราชาว่า กษัตริย์กรุงศรีอยุธยามีพระโอรสที่กล้าหาญไม่ครั่นคร้ามจ่อการศึกสงคราม แต่พระโอรสของพระองค์เป็นคนขลาด ทำให้พระมหาอุปราชาทรงอับอายและเกรงพระราชอาญา จึงเกิดขัตติยมานะยอมกระทำตามพระราชประสงค์ของพระราชบิดา ดังตัวอย่าง

                                “...องค์อุปราชยินสาร แสนอัประมาณมาตย์มวล นวลพระพักตร์ผ่องเผือด เลือดสลดหมดคล้ำ ช้ำกมลหมองมัว กลัวพระอาชญายอบ นอบประณตบทมูล ทูลลาไท้ลีลาศ ธก็ประกาศเกณฑ์พล บอกยุบลบมิหึง...
                                สมเด็จพระนเรศวรเมื่อตกอยู่ในวงล้อมของข้าศึก ได้ใช้วาทศิลป์กล่าวเชิญพระมหาอุปราชามารบตัวต่อตัว เพื่อเป็นเกียรติยศและศักดิ์ศรีของทั้งสองพระองค์ สืบต่อไปภายหน้าจะไม่มีการรบที่กล้าหาญเยี่ยงนี้อีก ดังความในบทประพันธ์ต่อไปนี้
                                                                พระพี่พระผู้ผ่าน                 ภพอุต ดมเอย
                                                ไป่ชอบเชษฐ์ยืนหยุด                          ร่มไม้
                                                เชิญราชร่วมคชยุทธ์                           เผยอเกียรติ ไว้แฮ

                                                สืบกว่าสองเราไสร้                            สุดสิ้นฤามี

ตอนที่สมเด็จพระนเรศวรทรงพิโรธแม่ทัพนายกองที่ตามเสร็จเข้าสนามรบไม่ทันจึงตรัสสั่งประหารชีวิต สมเด็จพระวันรัต วัดป่าแก้วขอพระราชทานอภัยโทษ โดยยกเหตุผลว่าเป็นเพราะเทพยดาบันดาลให้เป็นไป เพื่อให้พระองค์แสดงพระบรมเดชานุภาพให้ปรากฏคำกล่าวถูกพระทัยสมเด็จพระนเรศวรจึงพระราชทานอภัยโทษ แต่ต้องไปทำการศึกแก้ตัวโดยให้นำทัพไปตีเมืองเมาะตะมะและตะนาวศรี
                                                                พระตรีโลกนาถแล้ว                           เผด็จมาร
                                                เฉกพระราชสมภาร                                            พี่น้อง
                                               
                                                เสด็จไร้พิริยะราญ                                               อรินาศ ลงนา
                                                เสนอพระยศยินก้อง                                           เกียรติท้าวทุกภาย
                                                                ผิวหลายพยุหยุทธ์ร้า                           โรมรอน
                                                ชนะอมิตรมวลมอญ                                           มั่วมล้าง
                                                พระเดชบ่ดาลขจร                                               เจริญฤทธิ์ พระนา
                                                ไปทั่วธเรศออกอ้าง                                             เอิกฟ้าดินไหว
                ๒) สะท้อนเกี่ยวกับขนบธรรมเนียมประเพณี ขนบธรรมเนียมในการศึกที่ปรากฏในเรื่อง ได้แก่ เมื่อพระมหาอุปราชาจะออกศึก พระเจ้าหงสาวดีทรงประสาทและให้โอวาทการสร้างขวัญกำลังใจแก่ทหารและความเด็ดขาดในการรบ ความรู้เกี่ยวกับตำราพิชัยสงคราม การจัดทัพ การตั้งทัพ ประเพณี และพิธีกรรมเกี่ยวกับสงคราม เช่น พิธีโขลนทวารตัดไม้ข่มนาม เพื่อการสร้างขวัญกำลังใจแก่ทหาร ดังที่ปรากฏในบทประพันธ์ที่กล่าวถึงพิธีโขลนทวารซึ่งเป็นพิธีบำรุงขวัญทหารก่อนออกศึกเหล่าทหารต่างฮึกเหิมและมีกำลังใจเพราะมีพระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์และประพรมน้ำพระพุทธมนต์ให้ ดังนี้
                 “...พลันขยายพยุหบาตรา คลาเข้าโขลนทวาเรศ สงฆ์สวดชเยศพุทธมนต์ ปรายประชลเฉลิมทัพ ตามตำรารับราชรณยุทธ์ โบกกบี่ธุชคลาพล ยลนาวาดาดาษ ดูสระพราศสระพรั่ง คั่งคับขอบคงคา แลมหาเหาฬาร์พันลึก อธึกท้องแถวธาร...

๓) สะท้อนให้เห็นความเชื่อของสังคมไทย  ความเชื่อที่ปรากฏในเรื่อง ได้แก่ ความเชื่อของบรรพบุรุษ ความเชื่อเรื่องความฝันบอกเหตุ เชื่อคำทำนายทายทักของโหร เช่น ตอนที่สมเด็จพระนเรศวรทรงพระสุบินนิมิต จึงตรัสให้หาพระโหราจารย์เพื่อทำนายนิมิต
                                                                ทันใดดิลกเจ้า                       จอมถวัลย์
                                                สร่างผทมถวิลฝัน                                ห่อนรู้
                                                พระหาพระโหรพลัน                           พลางบอก ฝันนา
                                                เร็วเร่งทายโดยกระทู้                           ที่ถ้อยตูแถลง

๔) สะท้อนข้อคิดเพื่อนำไปใช้ในการดำเนินชีวิต ลิลิตตะเลงพ่ายได้แสดงคุณธรรมด้านต่างๆ ที่มีคุณค่าต่อการดำเนินชีวิต เช่น ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ความเมตตา ความนอบน้อม การให้อภัย เป็นต้น โดยสอดแทรกอยู่ในบทประพันธ์ ผู้อ่านจะสามารถซึมซับคุณธรรมเหล่านี้ผ่านความงามของภาษา สามารถจรรโลงใจผู้อ่านได้ เช่น ตอนที่พระเจ้านันทบุเรง ทรงสอนการศึกสงครามแก่พระมหาอุปราชา ก็เป็นข้อคิดที่มีคุณค่ายิ่งต่อการดำเนินชีวิตทุกยุคสมัย ตัวอย่างเช่น
                                                                หนึ่งรู้พยุหเศิกไสร้                              สบสถาน
                                                เจนจิตวิทยาการ                                                   กาจแกล้ว
                                                รู้เชิงพิชัยชาญ                                                      ชุมค่าย ควรนา
                                                อาจรักรอนรณแผ้ว                                              แผกแพ้พังหนี
ฯลฯ

                                                                หนึ่งรู้บำเหน็จให้                                ขุนพล
                                                อันสมรรถมือผจญ                                              จืดเสี้ยน
                                                อย่าหย่อนวิริยยล                                                 อย่างเกียจ
                                                แปดประการกลเที้ยร                                          ถ่องแท้ทางแถลง
                วรรณคดีเรื่องลิลิตตะเลงพ่าย นับเป็นวรรณคดีชั้นสูง ที่ผู้อ่านจะต้องมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับคำศัพท์ยากบางคำมาบ้างแล้ว นอกจากจะมีความไพเราะในด้านวรรณศิลป์อย่างยอดเยี่ยมแล้ว ผู้อ่านยงจะได้รับความรู้ด้านสังคมวัฒนธรรมอีกมาก แต่ผู้อ่านต้องอ่านอย่างตั้งใจ มีการวิเคราะห์และหาความหมายศัพท์ยาก จึงจะสามารถตีความได้อย่างชัดเจนและทำให้เกิดความซาบซึ้งในรสวรรณคดีมากยิ่งขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น